Content Category 3

  

 

 

 ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์กลาง This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
 สำนักงานเทศบาล 043-811671-3

 

การระวังชี้และรับรองแนวเขตที่ดิน

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

 พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2456มาตรา 120  ให้เจ้าท่ามีหน้าที่ดูแล รักษาและขุดลอกร่องน้ำ ทางเรือเดิน แม่น้ำ ลำคลอง ทะเลสาบและทะเลภายในน่านน้ำไทยมาตรา 117  ห้ามมิให้ผู้ใดปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งอื่นใดล่วงล้ำเข้าไปเหนือน้ำ ในน้ำ และใต้น้ำของแม่น้ำ  ลำคลอง  บึง  อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบอันเป็นทางสัญจรของประชาชน  หรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันหรือทะเลภายในน่านน้ำไทย หรือบนชายหาดของทะเล เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าท่าหนังสือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ นร 0601/266“ที่ชายตลิ่ง” ที่ดินที่อยู่ติดกับแม่น้ำ  ลำคลอง  ทะเลสาบหรือทะเล   ซึ่งในฤดูน้ำตามปกติน้ำท่วมถึง   โดยลักษณะของที่ชายตลิ่งคือที่ดินที่อยู่ระหว่างจุดสูงสุดที่น้ำขึ้นตามปกติและจุดต่ำสุดที่น้ำลงตามปกติ

-  ระเบียบกรมเจ้าท่า  

ว่าด้วยการระวังชี้และรับรองแนวเขตที่ดิน พ.ศ.2538

 

-  ที่ดินมีโฉนด

 

-  การพิจารณาแนวฝั่ง

 

-  แม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ     แนวน้ำขึ้นสูงสุดตามปกติท่วมถึง

 

-  ทะเลไม่มีชายหาด                                     แนวน้ำทะเลขึ้นสูงสุดตามปกติท่วมถึง

 

-  ทะเลมีชายหาด                                         แนวน้ำทะเลขึ้นสูงสุดตามปกติท่วมถึงหรือไม่ก็ได้

 

-  เมื่อช่างรังวัดปูโฉนดและเจ้าของที่ดินนำชี้หลักเขตที่ดิน

 

-  กรณีอยู่ตรงแนวฝั่งลำน้ำไม่ล้ำลงไปในลำน้ำและที่ดินข้างเคียงไม่คัดค้านให้ถือเป็นแนวระวังชี้แนวเขต

 

-  กรณีอยู่ไม่ถึงแนวฝั่ง  ให้แจ้งให้ช่างรังวัดทราบว่าแนวเขตที่ดินไม่ติดลำน้ำสาธารณะไม่อยู่ในอำนาหน้าที่ของเจ้าท่า

 

-  กรณีไม่พบหลักเขตที่ดินริมฝั่งให้สอบเขตจากหลักเขตที่ดินด้านบนลงมา

 

-  กรณีล้ำลงไปในลำน้ำสาธารณะ

 

-  หากมีการหวงกันแนวเขตที่ดิน  ไม่ปล่อยให้เป็นที่สาธารณะสำหรับประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ให้ถือว่ากรรมสิทธิ์ในที่ดินยังคงอยู่

 

-  หากไม่มีการหวงกันโดยปล่อยให้เป็นที่สาธารณะสำหรับประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ให้แจ้งให้ช่างรังวัดร่นหลักเขตขึ้นมาบนฝั่ง   หากเจ้าของที่ดินยินยอม  และที่ดินข้างเคียงไม่คัดค้านให้ปักหลักเขตใหม่บนแนวฝั่ง

 

  (การพิจารณาเรื่องการหวงกันแนวเขตที่ดินต้องพิจารณาจากแนวคำพิพากษาและข้อเท็จจริงในแต่ละพื้นที่เป็นเรือง ๆ ไป)

 

-  ที่ดินมีเอกสารหลักฐานอื่น ๆ เช่น นส.3 นส.3ก.

 

-  ให้ระวังชี้ ฯ ตามสิทธิครอบครองเดิมเป็นหลักโดยไม่เกินแนวเขตเดิม

 

-  ที่ดินมีการครอบครองและทำประโยชน์แต่ไม่มีเอกสารสิทธิ์

 

-  ระวังชี้ ฯ ตามสิทธิครอบครองและทำประโยชน์แล้ว

 

-  กรณีรังวัดแล้วล้ำลงไปในลำน้ำสาธารณะ ให้ตกเป็นที่สาธารณะทุกกรณี

 

-  ที่งอก

 

-  ป.พ.พ.มาตรา1308  ที่ดินแปลงใดเกิดที่งอกริมตลิ่ง  ที่งอกย่อมเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่ดินแปลงนั้น

 

-  หากเจ้าของทีดินประสงค์จะออกเอกสารสิทธิ์ในที่งอกให้ยื่นเรื่องต่อที่ดินจังหวัดเพื่อตั้งคณะกรรมการจังหวัดพิจารณาการออกที่งอก

 

-  การหวงกันแนวเขตที่ดิน

 

-  ฎีกาที่ ๓๕๓ - ๓๖๐/๒๕๐๗  ได้วินิจฉัยว่า เจ้าของที่ดินปลูกอาคารลงในที่ดินของตน ต่อมาน้ำในลำน้ำนั้นเซาะที่ดินภายใต้อาคารพังลงจนกลายสภาพเป็นที่ชายตลิ่ง   แต่เจ้าของที่ดินนั้นยังคงใช้สิทธิแห่งความเป็นเจ้าของครอบครองอาคารและที่ดินในเขตของตนอยู่โดยมิได้ทอดทิ้งปล่อยให้เป็นที่ชายตลิ่งสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ต้องถือว่าที่ชายตลิ่งที่พิพาทกันนั้นยังไม่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน

 

-  ฎีกาที่ ๔๗๘๒/๒๕๓๓  ได้วินิจฉัยว่า การที่บริษัท กรุงเทพค้าข้าว จำกัด และบริษัท แสนเจริญ จำกัด  ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินได้นำหินไปทิ้งในส่วนที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อกันตลิ่งพังจึงถือว่าบริษัทฯ ยังคงสงวนสิทธิและครอบครองที่ดินส่วนที่ถูกน้ำเซาะพังลงในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ดินบริเวณดังกล่าวจึงไม่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน

 

-  ฎีกาที่ ๓๐๙๓/๒๕๒๓  ได้วินิจฉัยว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทยังเป็นของโจทก์กับพวกอยู่ แม้น้ำจะเซาะที่ดินโจทก์กับพวกตรงที่พิพาท จนกลายสภาพเป็นที่ชายตลิ่งไปแล้วก็ตามแต่โจทก์กับพวกก็ยังใช้สิทธิเป็นเจ้าของโดยใช้เป็นทางเข้าออกอยู่  มิได้ทอดทิ้งให้เป็นที่สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันที่พิพาทจึงไม่เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน

 

-  ข้อหารือของกฤษฎีกา เรื่อง  สถานะทางกฎหมายของที่ดินที่มีเอกสารสิทธิซึ่งถูกน้ำกัดเซาะและภายหลังได้มีการทับถมของที่ดินขึ้นใหม่ (เรื่องเสร็จที่ 961/2547)เมื่อที่ดินบริเวณที่ถูกน้ำกัดเซาะต่อมาในปัจจุบันได้เปลี่ยนสภาพเป็นชายฝั่งของทะเล   การจะพิจารณาถึงสถานะทางกฎหมายของที่ดินบริเวณดังกล่าวว่าเป็นที่ดินประเภทใดยังมีความแตกต่างและไม่อาจถือเป็นที่ยุติได้  ย่อมขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงในแต่ละกรณีไปว่าสภาพที่ดินในแต่ละแปลงเป็นอย่างไรและเจ้าของที่ดินมีการใช้ประโยชน์หรือแสดงการหวงกันไว้หรือไม่  ซึ่งหากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินที่เอกชนมีกรรมสิทธิ์อยู่นั้น แม้ภายหลังที่ดินดังกล่าวได้ถูกน้ำกัดเซาะหรือพังลงน้ำทำให้แนวเขตที่ดินเปลี่ยนไป  แต่เจ้าของที่ดินยังคงใช้สิทธิแห่งความเป็นเจ้าของโดยการหวงกันหรือสงวนสิทธิในการครอบครองที่ดินของตนอยู่โดยมิได้ทอดทิ้งปล่อยให้เป็นทางน้ำหรือทางสาธารณะ  ต้องถือว่าที่ดินดังกล่าวไม่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน

ในทางกลับกันหากเจ้าของที่ดินมิได้ใช้สิทธิแห่งความเป็นเจ้าของโดยการหวงกันหรือสงวนสิทธิในการครอบครองหรือยินยอมให้ตัดที่ดินที่พังลงน้ำนั้นออกจากโฉนด   ก็ต้องถือว่าที่ดินนั้นได้กลายสภาพมาเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินแล้ว   ซึ่งส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนต่อไป

กล่าวโดยสรุป ที่ดินบริเวณที่มีการร้องเรียนจะมีสถานะทางกฎหมายเช่นใดนั้น ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงว่าเจ้าของที่ดินแต่ละรายได้แสดงสิทธิแห่งความเป็นเจ้าของหรือมีการหวงกันมิได้ปล่อยทิ้งที่ดินจนกลายเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่  ซึ่งส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนเพื่อดำเนินการตามหลักเกณฑ์ข้างต้นเป็นรายกรณีไป

 

-  หนังสือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ นร0601/266

 

-  กรณีแหล่งน้ำสาธารณะตื้นเขินทั้งหมดหรือบางส่วน  ตามธรรมชาติหรือเกิดจากการสร้างเขื่อนทำให้เกิดที่ดินริมแหล่งน้ำสาธารณะที่ น้ำท่วมไม่ถึงอีกต่อไปย่อมพ้นสภาพจากการเป็น “ที่ชายตลิ่ง” และไม่อยู่ในความรับผิดชอบกรมเจ้าท่าอีกต่อไป การปลูกสร้างสิ่งล้วงลำล้ำน้ำในที่ดินดังกล่าว จึงไม่อยู่ในบังคับต้องขออนุญาต หรือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. การเดินเรือฯ แต่ตราบใดที่ยังไม่มีการถอนสภาพก็ยังคงเป็นสาธารณะแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันอยู่ และอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของนายอำเภอ

 

-  ปัญหาในทางปฏิบัติ

 

-  น้ำท่วมถึงตามปกติแค่ไหน  พิจารณาจากอะไร

 

-  อย่างไรคือการ “หวงกัน” หรือ “สงวนสิทธิครอบครอง”

 

 “ที่งอก”  จะดำเนินการอย่างไร

 

-  แนวทางแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติ

 

-  หารือ สคก. ให้ทบทวนการพิจารณาข้อหารือกรณีที่ดินริมแหล่งน้ำสาธารณะตื้นเขินแล้วพ้นสภาพจากการเป็นที่ชายตลิ่งอันไม่อยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าท่า  ตามหนังสือ ที่ นร0601/266

 

-  แก้ไขระเบียบกรมเจ้าท่า  ว่าด้วยการระวังชี้และรับรองแนวเขตที่ดิน

การขอใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร  (อ.1)     

          หลักฐาน

          1. สำเนาเอกสารสิทธิครอบครองในที่ดิน เช่น โฉนด, โฉนดตราจอง, น.ส.3 หรือเอกสารอื่นที่ทางราชการออกให้ ถ่ายเท่าต้นฉบับเดิมทุกหน้าไม่ขยายหรือย่อส่วน  จำนวน 2 ชุด

          2. สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาบัตรประชาชน เจ้าของที่ดิน/ผู้ขออนุญาต รับรองสำเนาเรียบร้อย จำนวน 1 ชุด

          3. หนังสือยินยอมให้ก่อสร้างอาคารในที่ดิน/หนังสือมอบอำนาจ พร้อมสำเนาทะเบียนบ้าน, บัตรประชาชน ของผู้ยินยอม/มอบอำนาจ (กรณีมีการยินยอมหรือมอบอำนาจ)  จำนวน 1ชุด

          4. สำเนาหนังสือจดทะเบียนบริษัท, สำเนาหนังสือรับรอง, สำเนาทะเบียนบัตรประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจลงนามในบริษัท (กรณีขออนุญาตในนามของบริษัท)  จำนวน 1 ชุด

          5. ใบประกอบวิชาชีพวิศวกรรม, ใบประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม (กรณีอาคารเข้าข่ายอาคารควบคุมหรืออาคารขนาดใหญ่  จำนวน  1 ชุด)

          6. รายการคำนวณโครงสร้าง (กรณีอาคารเข้าข่ายอาคารควบคุมหรืออาคารขนาดใหญ่) จำนวน 1 ชุด กรณีอาคารที่มีการเจาะสำรวจดินให้แนบผลการเจาะสำรวจดิน  จำนวน 1 ชุด

          7. แบบแปลนพิมพ์เขียวจำนวน 5 ชุดและให้เพิ่มเฉพาะผังบริเวณสถานที่ก่อสร้างอีก 1 ใบ

8. คำร้องการยื่นขออนุญาตขอรับได้ที่ส่วนควบคุมอาคารและผังเมือง   ชั้น  2  สำนักการช่าง  สำนักงานเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์

การขอออกใบรับรองการก่อสร้างอาคาร (อ.6)                   

          หลักฐาน

          1. แบบแปลนที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง  จากเจ้าพนักงานท้องถิ่น  จำนวน  1  ชุด

          2. ใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร (อ.1)  ที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น  จำนวน  1  ชุด

          3. หนังสือรับรองของผู้ควบคุมงาน  ตามมาตรา  29 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522

          4. เอกสารคำร้อง ขอรับได้ที่ส่วนควบคุมอาคารและผังเมือง  ชั้น  2  สำนักการช่าง  สำนักงานเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์

การขออนุญาตซ่อมแซมอาคาร      

หลักฐาน

          1. สำเนาเอกสารสิทธิครอบครองที่ดิน เช่น โฉนด, โฉนดตราจอง, น.ส.3 หรือเอกสารอื่นๆ ที่ทางราชการออกให้  จำนวน 1 ชุด

          2. สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาบัตรประชาชน ผู้ขออนุญาต/เจ้าของ  จำนวน 1 ชุด

          3. ผังบริเวณสถานที่ขออนุญาตซ่อมแซม  จำนวน 1 ชุด (โดยสังเขป)

          4. เอกสารคำร้อง ขอรับได้ที่ส่วนควบคุมอาคารและผังเมือง ชั้น 2  สำนักการช่าง  สำนักงานเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์

การขออนุญาตรื้อถอนอาคาร

          1. สำเนาเอกสารสิทธิครอบครองที่ดิน เช่น โฉนด, โฉนดตราจอง, น.ส.3  หรือเอกสารที่ทางราชการออกให้บริเวณที่จะทำการรื้อถอน  จำนวน 1 ชุด

          2. สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาบัตรประชาชน ผู้ขออนุญาต/เจ้าของ  จำนวน 1 ชุด

          3. กรณีเป็นห้างหุ้นส่วน, บริษัท ให้แนบหนังสือการจดทะเบียนบริษัท พร้อมสำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้านกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม  จำนวน 1 ชุด

          4. แบบแปลนอาคารที่รื้อถอน หรือผังบริเวณสถานที่รื้อถอน  จำนวน 1 ชุด

          5. คำร้องขออนุญาตรื้อถอน ขอรับได้ที่ส่วนควบคุมอาคารและผังเมือง ชั้น  2  สำนักการช่าง  สำนักงานเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์

การขอใบแทนใบอนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน 

          1. สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาบัตรประชาชน  จำนวน 1 ชุด

          2. หนังสือแจ้งความการสูญหายจากสถานีตำรวจ

          3. เอกสารคำร้อง ขอรับได้ที่ส่วนควบคุมอาคารและผังเมือง  ชั้น 2  สำนักการช่าง  สำนักงานเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์

การขอโอนใบอนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน     

          1. ใบอนุญาตก่อสร้าง, ดัดแปลง, รื้อถอนอาคาร (อ.1) ที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นออกให้  จำนวน 1 ฉบับ

          2. สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาบัตรประชาชน ผู้รับโอน  จำนวน 1 ชุด

          3. สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาบัตรประชาชน ผู้ขอโอน  จำนวน 1 ชุด

          4. สำเนาเอกสารสิทธิการครอบครองที่ดิน เช่น โฉนด, โฉนดตราจอง, น.ส.3  หรือเอกสารที่ทางราชการออกให้ที่ผู้ขอโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้รับโอนเรียบร้อยแล้ว  จำนวน 1 ชุด

          5. คำร้องขอโอนขอรับได้ที่ส่วนควบคุมอาคารและผังเมือง ชั้น  2  สำนักการช่าง  สำนักงานเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์

การขอต่ออายุหนังสืออนุญาตก่อสร้าง  ดัดแปลง  รื้อถอนอาคาร   

            1. ใบอนุญาตก่อสร้าง  ดัดแปลง  รื้อถอนอาคาร (อ.1)  ที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นออกให้  (ต้นฉบับ)  จำนวน  1  ชุด

          2. แบบแปลนพิมพ์เขียวที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น  จำนวน  1  ชุด

          3. ใบรับรองของผู้ควบคุมงาน  ตามมาตรา  29 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 จำนวน 1  ชุด

          4. เอกสารคำร้อง  ขอรับได้ที่ส่วนควบคุมอาคารและผังเมือง  อาคาร 1  ชั้น  3  สำนักการช่าง  สำนักงานเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์

หมายเหตุ     การยื่นขอต่อใบอนุญาตต้องยื่นก่อนใบอนุญาตหมดอายุ 60 วัน

1. การขออนุญาตก่อสร้างอาคาร ต้องเตรียมหลักฐานดังนี้

  - สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ขออนุญาตและเจ้าของที่ดิน อย่างละ 1 ชุด

  - สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ขออนุญาตและเจ้าของที่ดิน อย่างละ 1 ชุด

  - แบบก่อสร้างแผนผังและรายการประกอบแบบ อย่างละ 5 ชุด

  - สำเนาโฉนดที่ดินที่จะทำการก่อสร้าง จำนวน 1 ชุด (หรือเอกสารสิทธิ์อื่น ๆ)

  - สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท วัตถุประสงค์ ผู้มีอำนาจลงชื่อแทน นิติบุคคล ที่ขออนุญาตที่ออกให้ไม่เกิน 6 เดือน

2. การเตรียมหลักฐานที่เกี่ยวข้องเฉพาะเรื่อง

  - หนังสือยินยอมจากเจ้าของที่ดิน (กรณีผู้ขออนุญาตมิได้เป็นเจ้าของที่ดิน) 

  - หนังสือยินยอมให้ปลูกสร้างอาคารชิดผนัง (กรณีใช้ผนังร่วมกัน)

  - หนังสือยินยอมให้ปลูกสร้างอาคารชิดเขตที่ดิน (กรณีชิดเขตที่ดินข้างเคียง)

  - หนังสือรับรองผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม พร้อมสำเนาบัตรประจำตัว(กรณที่ีอยู่ในข่ายควบคุมตาม พ.ร.บ.วิศวกรรม และพ.ร.บ.วิชาชีพสถาปัตยกรรม)

  - รายการคำนวณ 1 ชุด (กรณีส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคารก่อสร้างด้วยวัตถุถาวรและทนไฟเป็นส่วนใหญ่ หรืออาคารสาธารณะ อาคารพิเศษ)

  - แบบระบบบำบัดน้ำเสียสำหรับบ้านพักอาศัย (ตามแบบมาตรฐานกรมโยธาธิการหรืออื่น ๆ )

  - หนังสือแสดงว่าคณะกรรมการการควบคุมการจัดสรรที่ดินพิจารณาให้ความเห็นชอบ

  - แผนผังโครงการจัดสรรที่ดินที่ได้รับอนุญาตแล้ว (กรณีอาคารเข้าข่ายการจัดสรรที่ดิน)

  - เตรียมแบบและใบอนุญาตเดิมที่ได้รับจากเทศบาลตำบลธัญบุรี จำนวน 1 ชุด (กรณีดัดแปลงอาคาร, ต่อเติมหรือต่ออายุใบอนุญาต)

3. การพิจารณา

  - ในการตรวจพิจารณารายละเอียดแบบแปลน เทศบาลอาจสั่งให้ผู้ขอใบอนุญาตแก้ไขเปลี่ยนแปลงผังบริเวณแบบแปลน รายการประกอบแบบแปลน หรือรายการคำนวณที่ได้ยื่นไว้ให้ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2479 และ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และแก้ไขเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร(ฉบับ    ที่ 2) พ.ศ. 2535 และกฎกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

  - อาคารประเภทควบคุมการใช้ เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะต้องแจ้งกองช่างทำการตรวจสอบ เพื่อขอใบรับรองการใช้อาคารก่อนเปิดใช้อาคารหรือให้ผู้อื่นใช้

  - การขออนุญาตก่อสร้างตามมาตรา 39 ทวิ โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น จะต้องดำเนินการ

  - แจ้งให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นทราบตามแบบที่กำหนด พร้อมทั้งแจ้งข้อมูลและยื่นเอกสาร

    1). ชื่อผู้รับผิดชอบงานออกแบบอาคาร (วุฒิสถาปนิก) พร้อมสำเนาบัตรประจำตัว

    2). ชื่อของผู้รับงานออกแบบและคำนวณอาคาร (วุฒิวิศวกร) พร้อมสำเนาบัตร ประจำตัว

    3). ชื่อผู้ควบคุมงาน (ตามกฎหมายวิชาชีพสถาปัตยกรรม-วิศวกรรม พร้อมสำเนาบัตรประจำตัว)

    4). แผนผังบริเวณ แบบแปลน รายการประกอบแบบ รายการคำนวณ

    5). วันเริ่มต้น และวันสิ้นสุด การดำเนินการก่อสร้างอาคาร

4. ระยะเวลาในการพิจารณาในกรณีทั่วไป

 - อาคารพักอาศัยไม่เกิน 2 ชั้น ใช้เวลาในการพิจารณาไม่เกิน 20 วัน ไม่รวมระยะเวลาแก้ไขแบบแปลน

- อาคารพาณิชย์ อาคารขนาดใหญ่ อาคารประเภทควบคุมการใช้ ใช้เวลาในการพิจารณา 33 วัน (ไม่รวมระยะเวลาแก้ไขแบบแปลน)

- ยกเว้นในกรณีที่มีข้อขัดข้อง จะใช้เวลาพิจารณาตามที่ได้กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร

5. คำแนะนำในการขอรับอนุญาตเกี่ยวกับอาคาร (ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 10 พ.ศ. 2528)

      5.1 ผู้ขอรับใบอนุญาตต้องแนบเอกสารเกี่ยวกับแผนผังบริเวณ แบบแปลนรายการประกอบแบบแปลน จำนวน 5 ชุด พร้อมกับคำขอ อาคารสาธารณะ อาคารพิเศษ หรืออาคารที่ก่อสร้างด้วยวัตถุถาวรและวัตถุทนไฟเป็นส่วนใหญ่ ต้องแนบรายการคำนวณ จำนวน 1 ชุด

     5.2 เมื่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้ตรวจพิจารณาแผนผังบริเวณ แบบแปลนรายการประกอบแบบแปลนและรายการคำนวณ (ถ้ามี) ถูกต้องแล้ว ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นออกใบอนุญาตได้

     5.3 อาคารประเภทควบคุมการใช้เมื่อทำการก่อสร้างเสร็จแล้ว ให้เจ้าของอาคารหรือผู้ครอบครองอาคารยื่นคำขอใบรับรองต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น

     5.4 ในกรณีที่เจ้าของอาคาร ประสงค์จะใช้อาคารเพื่อกิจการประเภทควบคุมการใช้ จะเปลี่ยนการใช้อาคารให้ยื่นคำขออนุญาตเปลี่ยนการใช้อาคารนั้น

     5.5 ในกรณีที่เจ้าของอาคารประสงค์จะดัดแปลงหรือใช้ที่จอดรถเพื่อการอื่นและก่อสร้างที่จอดรถแทนของเดิมให้ยื่นคำขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น

     5.6 ผู้ได้รับใบอนุญาตประสงค์จะขอต่ออายุใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ให้ยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุ

     5.7 ในกรณีที่ใบอนุญาตหรือใบรับรองสูญหาย ถูกทำลายหรือชำรุด ให้ยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตหรือใบแทนใบรับรองจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับทราบถึงการสูญหาย

     5.8 ผู้ได้รับใบอนุญาต ผู้ใดประสงค์จะโอนใบอนุญาตก่อสร้างอาคารให้แก่บุคคลอื่น  ให้ยื่นคำขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น เมื่อเห็นเป็นการสมควร ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นออกหนังสือแจ้งอนุญาตให้โอนใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอโอนใบอนุญาตได้

              5.9 แผนผังบริเวณ แบบแปลน รายการประกอบแบบแปลน และรายการคำนวณต้องเป็นสิ่งพิมพ์ สำเนาภาพถ่ายหรือเขียนด้วยหมึก และต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้

                 - มาตราส่วน ให้ใช้มาตราเมตริก

                 - แผนผังบริเวณ ให้ใช้มาตราเมตริก

                 - แสดงขอบนอกของอาคารที่ขออนุญาตถึงขอบเขตของที่ดินทุกด้าน

                 - ระยะห่างระหว่างอาคารต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้ว และอาคารที่ขออนุญาตในขอบเขตของ ที่ดิน

                 - ลักษณะและขอบเขตของที่สาธารณะพร้อมด้วยเครื่องหมายทิศ

                 - ให้แสดงทางระบายน้ำออกจากอาคารไปสู่ทางระบายน้ำสาธารณะ พร้อมทั้งแสดงเครื่องหมายชี้ทิศทางน้ำไหลและส่วนลาด

                 - แสดงระดับของพื้นชั้นล่างของอาคารและความสัมพันธ์กับระดับทาง หรือถนนสาธารณะที่ใกล้ที่สุดและระดับพื้นดิน

                 - ให้แสดงแผนผังบริเวณที่จะทำการเคลื่อนย้ายอาคารไปอยู่ในที่ใหม่ให้ชัดเจน

                 - แบบแปลนให้ใช้มาตราส่วนไม่เล็กกว่า 1 ใน 100 โดยต้องแสดงแปลนพื้นรูปด้าน (ไม่น้อยกว่า 2 ด้าน) รูปตัดขวาง รูปตัดทางยาว ผังคานรับพื้นชั้นต่างๆ และผังฐานรากของอาคาร พร้อมด้วยรายละเอียด

                 - แบบแปลน ต้องมีรูปรายละเอียดอย่างชัดเจนเพียงพอที่จะพิจารณาตามกฎหมาย

                 - แบบแปลน สำหรับการดัดแปลงอาคารให้แสดงส่วนต่าง ๆ ของอาคารที่จะก่อสร้างให้ชัดเจน

                 - แบบแปลน สำหรับการดัดแปลงอาคารให้แสดงส่วนที่มีอยู่เดิมและส่วนที่จะดัดแปลงให้ชัดเจน

                 - แบบแปลน สำหรับการรื้อถอนอาคาร ให้แสดงขั้นตอนวิธีการตลอดจนความปลอดภัยในการรื้อถอนอาคาร

                 - แบบแปลน สำหรับการเคลื่อนย้ายอาคาร  ให้แสดงขั้นตอน วิธีการ ความมั่นคงแข็งแรง  ตลอดจนความปลอดภัยในการเคลื่อนย้ายอาคาร

                 - สำหรับอาคารที่มีรูปตัดทางขวางหรือรูปตัดทางยาวของอาคาร มีความกว้าง ความยาว หรือความสูงเกิน 90 เมตร แบบแปลนจะใช้มาตรา  ส่วนเล็กกว่า 1 ใน 100 ก็ได้ แต่ต้องไม่เล็กกว่า 1 ใน 250

                 - แบบแปลนสำหรับการเปลี่ยนการใช้อาคาร ให้แสดงส่วนที่ใช้อยู่เดิม และส่วนที่จะเปลี่ยนการใช้ใหม่ให้ชัดเจน

                 - รายการประกอบแบบแปลน ให้แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับคุณภาพและชนิดของวัสดุ ตลอดจนวิธีปฏิบัติ หรือวิธีการสำหรับการก่อสร้างอาคาร

                 - รายการคำนวณให้แสดงวิธีการตามหลักวิศวกรรมศาสตร์

              5.10 ผู้รับผิดชอบงานออกแบบหรือผู้รับผิดชอบงานออกแบบและคำนวณ ต้องลงลายมือชื่อพร้อมกับเขียนชื่อตัวบรรจง ที่อยู่พร้อมกับคุณวุฒิของผู้รับผิดชอบดังกล่าวไว้ในแผนผังบริเวณ แบบแปลน รายการประกอบแบบแปลน และรายการคำนวณแต่ละชุดด้วย ผู้ประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุมวิศวกรรมควบคุมให้ระบุเลขทะเบียนในใบอนุญาตไว้ด้วย

6. ค่าธรรมเนียม

ค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต

 - ใบอนุญาตก่อสร้าง ฉบับละ 20 บาท

- ใบอนุญาตดัดแปลง ฉบับละ 10 บาท

- ใบอนุญาตรื้อถอน ฉบับละ 10 บาท

- ใบอนุญาตเปลี่ยนการใช้ ฉบับละ 20 บาท

- ใบรับรอง ฉบับละ 10 บาท

- ใบแทนใบอนุญาตหรือใบแทนใบรับรอง ฉบับละ 5 บาท

ค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาต

 - ใบอนุญาตก่อสร้าง ฉบับละ 20 บาท

- ใบอนุญาตดัดแปลง ฉบับละ 10 บาท

- ใบอนุญาตรื้อถอน ฉบับละ 10 บาท

- ใบอนุญาตเคลื่อนย้าย ฉบับละ 10 บาท

- ค่าธรรมเนียมการตรวจแบบแปลนก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคาร

      1. อาคารไม่เกิน 2 ชั้น สูงไม่เกิน 12 เมตร ตร.ม. ละ 50 สตางค์

     2. อาคารไม่เกิน 3 ชั้น และสูงเกิน 12 เมตร แต่ไม่เกิน 15 เมตร ตร.ม. ละ 12 บาท

     3. อาคารสูงเกิน 3 ชั้น หรือสูงเกิน 15 เมตร ตร.ม. ละ 4 บาท

     4. ป้าย ตร.ม. ละ 4 บาท

       สำหรับประชาชนในเขตเทศบาลตำบลธัญบุรี ก่อนดำเนินการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอนต่อเติมหรือการเคลื่อน

ย้าย อาคารต่าง ๆ ในเขตเทศบาล โปรดติดต่อขออนุญาตได้ที่กองช่าง เมื่อท่านทำการก่อสร้างอาคารแล้วเสร็จให้

ท่านยื่นคำร้องขอหมายเลขประจำบ้านได้ที่งานทะเบียนราษฎร์เทศบาลตำบลธัญบุรี

 

7. บทกำหนดโทษ

      7.1 ผู้ใดก่อสร้าง ดัดแปลง เคลื่อนย้ายอาคารโดยเจ้าของอาคารไม่ได้รับอนุญาตจากเทศบาล หรือผู้ใดก่อสร้างดัดแปลง รื้อถอนอาคาร ให้ผิดไปจากที่ได้รับอนุญาต ตลอดจนเงื่อนไขที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำหนดไว้ใน ใบอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

     7.2 ผู้ใดได้รับคำสั่งจากเทศบาลฯ และฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าว นอกจากต้องระวางโทษปรับตามข้อ 1 แล้วยังต้องระวางโทษปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน

     7.3 ถ้าเป็นการกระทำเกี่ยวกับอาคารเพื่อพาณิชยกรรม อุตสาหกรรม การศึกษา หรือสาธารณสุข หรือเป็นการกระทำในทางการค้าเพื่อให้เช่าหรือซื้อขาย หรือจำหน่าย โดยมีค่าตอบแทน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับเป็นสิบเท่าของโทษที่บัญญัติไว้ สำหรับความผิดนั้น ๆ หรือทั้งจำทั้งปรับ

     7.4 การปลูกสร้างโดยต่อเติม หรือดัดแปลงอาคาร ซึ่งจำต้องได้รับอนุญาตนั้นมีกำหนด ดังต่อไปนี้

         - ขยายพื้นชั้นหนึ่งชั้นใดตั้งแต่ 5 ตารางเมตร

         - เปลี่ยนหลังคา หรือขยายหลังคาให้ปกคลุมเนื้อที่มากขึ้นกว่าเดิม

         - เพิ่ม ลดจำนวน หรือเปลี่ยนเสา คาน บันได และผนัง

Login Form

จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์

6283471
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
624
1714
4455
6262326
31974
78428
6283471

Your IP: 3.129.211.6
Server Time: 2024-05-14 06:14:00

ติดต่อเรา

กด Like ให้ผมด้วยครับ

Template Settings

Color

For each color, the params below will give default values
Blue Red Oranges Green Purple Pink

Body

Background Color
Text Color

Header

Background Color

Footer

Select menu
Google Font
Body Font-size
Body Font-family
Direction