Super User

  

 

 

 ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์กลาง This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
 สำนักงานเทศบาล 043-811671-3

 

Super User

Super User

วันอาทิตย์, 27 กรกฎาคม 2557 16:21

การระวางชี้แนวเขต

การระวังชี้และรับรองแนวเขตที่ดิน

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

 พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2456มาตรา 120  ให้เจ้าท่ามีหน้าที่ดูแล รักษาและขุดลอกร่องน้ำ ทางเรือเดิน แม่น้ำ ลำคลอง ทะเลสาบและทะเลภายในน่านน้ำไทยมาตรา 117  ห้ามมิให้ผู้ใดปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งอื่นใดล่วงล้ำเข้าไปเหนือน้ำ ในน้ำ และใต้น้ำของแม่น้ำ  ลำคลอง  บึง  อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบอันเป็นทางสัญจรของประชาชน  หรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันหรือทะเลภายในน่านน้ำไทย หรือบนชายหาดของทะเล เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าท่าหนังสือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ นร 0601/266“ที่ชายตลิ่ง” ที่ดินที่อยู่ติดกับแม่น้ำ  ลำคลอง  ทะเลสาบหรือทะเล   ซึ่งในฤดูน้ำตามปกติน้ำท่วมถึง   โดยลักษณะของที่ชายตลิ่งคือที่ดินที่อยู่ระหว่างจุดสูงสุดที่น้ำขึ้นตามปกติและจุดต่ำสุดที่น้ำลงตามปกติ

-  ระเบียบกรมเจ้าท่า  

ว่าด้วยการระวังชี้และรับรองแนวเขตที่ดิน พ.ศ.2538

 

-  ที่ดินมีโฉนด

 

-  การพิจารณาแนวฝั่ง

 

-  แม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ     แนวน้ำขึ้นสูงสุดตามปกติท่วมถึง

 

-  ทะเลไม่มีชายหาด                                     แนวน้ำทะเลขึ้นสูงสุดตามปกติท่วมถึง

 

-  ทะเลมีชายหาด                                         แนวน้ำทะเลขึ้นสูงสุดตามปกติท่วมถึงหรือไม่ก็ได้

 

-  เมื่อช่างรังวัดปูโฉนดและเจ้าของที่ดินนำชี้หลักเขตที่ดิน

 

-  กรณีอยู่ตรงแนวฝั่งลำน้ำไม่ล้ำลงไปในลำน้ำและที่ดินข้างเคียงไม่คัดค้านให้ถือเป็นแนวระวังชี้แนวเขต

 

-  กรณีอยู่ไม่ถึงแนวฝั่ง  ให้แจ้งให้ช่างรังวัดทราบว่าแนวเขตที่ดินไม่ติดลำน้ำสาธารณะไม่อยู่ในอำนาหน้าที่ของเจ้าท่า

 

-  กรณีไม่พบหลักเขตที่ดินริมฝั่งให้สอบเขตจากหลักเขตที่ดินด้านบนลงมา

 

-  กรณีล้ำลงไปในลำน้ำสาธารณะ

 

-  หากมีการหวงกันแนวเขตที่ดิน  ไม่ปล่อยให้เป็นที่สาธารณะสำหรับประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ให้ถือว่ากรรมสิทธิ์ในที่ดินยังคงอยู่

 

-  หากไม่มีการหวงกันโดยปล่อยให้เป็นที่สาธารณะสำหรับประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ให้แจ้งให้ช่างรังวัดร่นหลักเขตขึ้นมาบนฝั่ง   หากเจ้าของที่ดินยินยอม  และที่ดินข้างเคียงไม่คัดค้านให้ปักหลักเขตใหม่บนแนวฝั่ง

 

  (การพิจารณาเรื่องการหวงกันแนวเขตที่ดินต้องพิจารณาจากแนวคำพิพากษาและข้อเท็จจริงในแต่ละพื้นที่เป็นเรือง ๆ ไป)

 

-  ที่ดินมีเอกสารหลักฐานอื่น ๆ เช่น นส.3 นส.3ก.

 

-  ให้ระวังชี้ ฯ ตามสิทธิครอบครองเดิมเป็นหลักโดยไม่เกินแนวเขตเดิม

 

-  ที่ดินมีการครอบครองและทำประโยชน์แต่ไม่มีเอกสารสิทธิ์

 

-  ระวังชี้ ฯ ตามสิทธิครอบครองและทำประโยชน์แล้ว

 

-  กรณีรังวัดแล้วล้ำลงไปในลำน้ำสาธารณะ ให้ตกเป็นที่สาธารณะทุกกรณี

 

-  ที่งอก

 

-  ป.พ.พ.มาตรา1308  ที่ดินแปลงใดเกิดที่งอกริมตลิ่ง  ที่งอกย่อมเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่ดินแปลงนั้น

 

-  หากเจ้าของทีดินประสงค์จะออกเอกสารสิทธิ์ในที่งอกให้ยื่นเรื่องต่อที่ดินจังหวัดเพื่อตั้งคณะกรรมการจังหวัดพิจารณาการออกที่งอก

 

-  การหวงกันแนวเขตที่ดิน

 

-  ฎีกาที่ ๓๕๓ - ๓๖๐/๒๕๐๗  ได้วินิจฉัยว่า เจ้าของที่ดินปลูกอาคารลงในที่ดินของตน ต่อมาน้ำในลำน้ำนั้นเซาะที่ดินภายใต้อาคารพังลงจนกลายสภาพเป็นที่ชายตลิ่ง   แต่เจ้าของที่ดินนั้นยังคงใช้สิทธิแห่งความเป็นเจ้าของครอบครองอาคารและที่ดินในเขตของตนอยู่โดยมิได้ทอดทิ้งปล่อยให้เป็นที่ชายตลิ่งสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ต้องถือว่าที่ชายตลิ่งที่พิพาทกันนั้นยังไม่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน

 

-  ฎีกาที่ ๔๗๘๒/๒๕๓๓  ได้วินิจฉัยว่า การที่บริษัท กรุงเทพค้าข้าว จำกัด และบริษัท แสนเจริญ จำกัด  ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินได้นำหินไปทิ้งในส่วนที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อกันตลิ่งพังจึงถือว่าบริษัทฯ ยังคงสงวนสิทธิและครอบครองที่ดินส่วนที่ถูกน้ำเซาะพังลงในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ดินบริเวณดังกล่าวจึงไม่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน

 

-  ฎีกาที่ ๓๐๙๓/๒๕๒๓  ได้วินิจฉัยว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทยังเป็นของโจทก์กับพวกอยู่ แม้น้ำจะเซาะที่ดินโจทก์กับพวกตรงที่พิพาท จนกลายสภาพเป็นที่ชายตลิ่งไปแล้วก็ตามแต่โจทก์กับพวกก็ยังใช้สิทธิเป็นเจ้าของโดยใช้เป็นทางเข้าออกอยู่  มิได้ทอดทิ้งให้เป็นที่สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันที่พิพาทจึงไม่เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน

 

-  ข้อหารือของกฤษฎีกา เรื่อง  สถานะทางกฎหมายของที่ดินที่มีเอกสารสิทธิซึ่งถูกน้ำกัดเซาะและภายหลังได้มีการทับถมของที่ดินขึ้นใหม่ (เรื่องเสร็จที่ 961/2547)เมื่อที่ดินบริเวณที่ถูกน้ำกัดเซาะต่อมาในปัจจุบันได้เปลี่ยนสภาพเป็นชายฝั่งของทะเล   การจะพิจารณาถึงสถานะทางกฎหมายของที่ดินบริเวณดังกล่าวว่าเป็นที่ดินประเภทใดยังมีความแตกต่างและไม่อาจถือเป็นที่ยุติได้  ย่อมขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงในแต่ละกรณีไปว่าสภาพที่ดินในแต่ละแปลงเป็นอย่างไรและเจ้าของที่ดินมีการใช้ประโยชน์หรือแสดงการหวงกันไว้หรือไม่  ซึ่งหากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินที่เอกชนมีกรรมสิทธิ์อยู่นั้น แม้ภายหลังที่ดินดังกล่าวได้ถูกน้ำกัดเซาะหรือพังลงน้ำทำให้แนวเขตที่ดินเปลี่ยนไป  แต่เจ้าของที่ดินยังคงใช้สิทธิแห่งความเป็นเจ้าของโดยการหวงกันหรือสงวนสิทธิในการครอบครองที่ดินของตนอยู่โดยมิได้ทอดทิ้งปล่อยให้เป็นทางน้ำหรือทางสาธารณะ  ต้องถือว่าที่ดินดังกล่าวไม่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน

ในทางกลับกันหากเจ้าของที่ดินมิได้ใช้สิทธิแห่งความเป็นเจ้าของโดยการหวงกันหรือสงวนสิทธิในการครอบครองหรือยินยอมให้ตัดที่ดินที่พังลงน้ำนั้นออกจากโฉนด   ก็ต้องถือว่าที่ดินนั้นได้กลายสภาพมาเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินแล้ว   ซึ่งส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนต่อไป

กล่าวโดยสรุป ที่ดินบริเวณที่มีการร้องเรียนจะมีสถานะทางกฎหมายเช่นใดนั้น ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงว่าเจ้าของที่ดินแต่ละรายได้แสดงสิทธิแห่งความเป็นเจ้าของหรือมีการหวงกันมิได้ปล่อยทิ้งที่ดินจนกลายเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่  ซึ่งส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนเพื่อดำเนินการตามหลักเกณฑ์ข้างต้นเป็นรายกรณีไป

 

-  หนังสือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ นร0601/266

 

-  กรณีแหล่งน้ำสาธารณะตื้นเขินทั้งหมดหรือบางส่วน  ตามธรรมชาติหรือเกิดจากการสร้างเขื่อนทำให้เกิดที่ดินริมแหล่งน้ำสาธารณะที่ น้ำท่วมไม่ถึงอีกต่อไปย่อมพ้นสภาพจากการเป็น “ที่ชายตลิ่ง” และไม่อยู่ในความรับผิดชอบกรมเจ้าท่าอีกต่อไป การปลูกสร้างสิ่งล้วงลำล้ำน้ำในที่ดินดังกล่าว จึงไม่อยู่ในบังคับต้องขออนุญาต หรือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. การเดินเรือฯ แต่ตราบใดที่ยังไม่มีการถอนสภาพก็ยังคงเป็นสาธารณะแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันอยู่ และอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของนายอำเภอ

 

-  ปัญหาในทางปฏิบัติ

 

-  น้ำท่วมถึงตามปกติแค่ไหน  พิจารณาจากอะไร

 

-  อย่างไรคือการ “หวงกัน” หรือ “สงวนสิทธิครอบครอง”

 

 “ที่งอก”  จะดำเนินการอย่างไร

 

-  แนวทางแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติ

 

-  หารือ สคก. ให้ทบทวนการพิจารณาข้อหารือกรณีที่ดินริมแหล่งน้ำสาธารณะตื้นเขินแล้วพ้นสภาพจากการเป็นที่ชายตลิ่งอันไม่อยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าท่า  ตามหนังสือ ที่ นร0601/266

 

-  แก้ไขระเบียบกรมเจ้าท่า  ว่าด้วยการระวังชี้และรับรองแนวเขตที่ดิน

วันอาทิตย์, 27 กรกฎาคม 2557 16:16

ขออนุญาตดัดแปลงรื้อถอนอาคาร

การขอใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร  (อ.1)     

          หลักฐาน

          1. สำเนาเอกสารสิทธิครอบครองในที่ดิน เช่น โฉนด, โฉนดตราจอง, น.ส.3 หรือเอกสารอื่นที่ทางราชการออกให้ ถ่ายเท่าต้นฉบับเดิมทุกหน้าไม่ขยายหรือย่อส่วน  จำนวน 2 ชุด

          2. สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาบัตรประชาชน เจ้าของที่ดิน/ผู้ขออนุญาต รับรองสำเนาเรียบร้อย จำนวน 1 ชุด

          3. หนังสือยินยอมให้ก่อสร้างอาคารในที่ดิน/หนังสือมอบอำนาจ พร้อมสำเนาทะเบียนบ้าน, บัตรประชาชน ของผู้ยินยอม/มอบอำนาจ (กรณีมีการยินยอมหรือมอบอำนาจ)  จำนวน 1ชุด

          4. สำเนาหนังสือจดทะเบียนบริษัท, สำเนาหนังสือรับรอง, สำเนาทะเบียนบัตรประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจลงนามในบริษัท (กรณีขออนุญาตในนามของบริษัท)  จำนวน 1 ชุด

          5. ใบประกอบวิชาชีพวิศวกรรม, ใบประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม (กรณีอาคารเข้าข่ายอาคารควบคุมหรืออาคารขนาดใหญ่  จำนวน  1 ชุด)

          6. รายการคำนวณโครงสร้าง (กรณีอาคารเข้าข่ายอาคารควบคุมหรืออาคารขนาดใหญ่) จำนวน 1 ชุด กรณีอาคารที่มีการเจาะสำรวจดินให้แนบผลการเจาะสำรวจดิน  จำนวน 1 ชุด

          7. แบบแปลนพิมพ์เขียวจำนวน 5 ชุดและให้เพิ่มเฉพาะผังบริเวณสถานที่ก่อสร้างอีก 1 ใบ

8. คำร้องการยื่นขออนุญาตขอรับได้ที่ส่วนควบคุมอาคารและผังเมือง   ชั้น  2  สำนักการช่าง  สำนักงานเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์

การขอออกใบรับรองการก่อสร้างอาคาร (อ.6)                   

          หลักฐาน

          1. แบบแปลนที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง  จากเจ้าพนักงานท้องถิ่น  จำนวน  1  ชุด

          2. ใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร (อ.1)  ที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น  จำนวน  1  ชุด

          3. หนังสือรับรองของผู้ควบคุมงาน  ตามมาตรา  29 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522

          4. เอกสารคำร้อง ขอรับได้ที่ส่วนควบคุมอาคารและผังเมือง  ชั้น  2  สำนักการช่าง  สำนักงานเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์

การขออนุญาตซ่อมแซมอาคาร      

หลักฐาน

          1. สำเนาเอกสารสิทธิครอบครองที่ดิน เช่น โฉนด, โฉนดตราจอง, น.ส.3 หรือเอกสารอื่นๆ ที่ทางราชการออกให้  จำนวน 1 ชุด

          2. สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาบัตรประชาชน ผู้ขออนุญาต/เจ้าของ  จำนวน 1 ชุด

          3. ผังบริเวณสถานที่ขออนุญาตซ่อมแซม  จำนวน 1 ชุด (โดยสังเขป)

          4. เอกสารคำร้อง ขอรับได้ที่ส่วนควบคุมอาคารและผังเมือง ชั้น 2  สำนักการช่าง  สำนักงานเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์

การขออนุญาตรื้อถอนอาคาร

          1. สำเนาเอกสารสิทธิครอบครองที่ดิน เช่น โฉนด, โฉนดตราจอง, น.ส.3  หรือเอกสารที่ทางราชการออกให้บริเวณที่จะทำการรื้อถอน  จำนวน 1 ชุด

          2. สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาบัตรประชาชน ผู้ขออนุญาต/เจ้าของ  จำนวน 1 ชุด

          3. กรณีเป็นห้างหุ้นส่วน, บริษัท ให้แนบหนังสือการจดทะเบียนบริษัท พร้อมสำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้านกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม  จำนวน 1 ชุด

          4. แบบแปลนอาคารที่รื้อถอน หรือผังบริเวณสถานที่รื้อถอน  จำนวน 1 ชุด

          5. คำร้องขออนุญาตรื้อถอน ขอรับได้ที่ส่วนควบคุมอาคารและผังเมือง ชั้น  2  สำนักการช่าง  สำนักงานเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์

การขอใบแทนใบอนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน 

          1. สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาบัตรประชาชน  จำนวน 1 ชุด

          2. หนังสือแจ้งความการสูญหายจากสถานีตำรวจ

          3. เอกสารคำร้อง ขอรับได้ที่ส่วนควบคุมอาคารและผังเมือง  ชั้น 2  สำนักการช่าง  สำนักงานเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์

การขอโอนใบอนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน     

          1. ใบอนุญาตก่อสร้าง, ดัดแปลง, รื้อถอนอาคาร (อ.1) ที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นออกให้  จำนวน 1 ฉบับ

          2. สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาบัตรประชาชน ผู้รับโอน  จำนวน 1 ชุด

          3. สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาบัตรประชาชน ผู้ขอโอน  จำนวน 1 ชุด

          4. สำเนาเอกสารสิทธิการครอบครองที่ดิน เช่น โฉนด, โฉนดตราจอง, น.ส.3  หรือเอกสารที่ทางราชการออกให้ที่ผู้ขอโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้รับโอนเรียบร้อยแล้ว  จำนวน 1 ชุด

          5. คำร้องขอโอนขอรับได้ที่ส่วนควบคุมอาคารและผังเมือง ชั้น  2  สำนักการช่าง  สำนักงานเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์

การขอต่ออายุหนังสืออนุญาตก่อสร้าง  ดัดแปลง  รื้อถอนอาคาร   

            1. ใบอนุญาตก่อสร้าง  ดัดแปลง  รื้อถอนอาคาร (อ.1)  ที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นออกให้  (ต้นฉบับ)  จำนวน  1  ชุด

          2. แบบแปลนพิมพ์เขียวที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น  จำนวน  1  ชุด

          3. ใบรับรองของผู้ควบคุมงาน  ตามมาตรา  29 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 จำนวน 1  ชุด

          4. เอกสารคำร้อง  ขอรับได้ที่ส่วนควบคุมอาคารและผังเมือง  อาคาร 1  ชั้น  3  สำนักการช่าง  สำนักงานเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์

หมายเหตุ     การยื่นขอต่อใบอนุญาตต้องยื่นก่อนใบอนุญาตหมดอายุ 60 วัน

วันอาทิตย์, 27 กรกฎาคม 2557 16:09

ขออนุญาตก่อสร้าง

1. การขออนุญาตก่อสร้างอาคาร ต้องเตรียมหลักฐานดังนี้

  - สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ขออนุญาตและเจ้าของที่ดิน อย่างละ 1 ชุด

  - สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ขออนุญาตและเจ้าของที่ดิน อย่างละ 1 ชุด

  - แบบก่อสร้างแผนผังและรายการประกอบแบบ อย่างละ 5 ชุด

  - สำเนาโฉนดที่ดินที่จะทำการก่อสร้าง จำนวน 1 ชุด (หรือเอกสารสิทธิ์อื่น ๆ)

  - สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท วัตถุประสงค์ ผู้มีอำนาจลงชื่อแทน นิติบุคคล ที่ขออนุญาตที่ออกให้ไม่เกิน 6 เดือน

2. การเตรียมหลักฐานที่เกี่ยวข้องเฉพาะเรื่อง

  - หนังสือยินยอมจากเจ้าของที่ดิน (กรณีผู้ขออนุญาตมิได้เป็นเจ้าของที่ดิน) 

  - หนังสือยินยอมให้ปลูกสร้างอาคารชิดผนัง (กรณีใช้ผนังร่วมกัน)

  - หนังสือยินยอมให้ปลูกสร้างอาคารชิดเขตที่ดิน (กรณีชิดเขตที่ดินข้างเคียง)

  - หนังสือรับรองผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม พร้อมสำเนาบัตรประจำตัว(กรณที่ีอยู่ในข่ายควบคุมตาม พ.ร.บ.วิศวกรรม และพ.ร.บ.วิชาชีพสถาปัตยกรรม)

  - รายการคำนวณ 1 ชุด (กรณีส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคารก่อสร้างด้วยวัตถุถาวรและทนไฟเป็นส่วนใหญ่ หรืออาคารสาธารณะ อาคารพิเศษ)

  - แบบระบบบำบัดน้ำเสียสำหรับบ้านพักอาศัย (ตามแบบมาตรฐานกรมโยธาธิการหรืออื่น ๆ )

  - หนังสือแสดงว่าคณะกรรมการการควบคุมการจัดสรรที่ดินพิจารณาให้ความเห็นชอบ

  - แผนผังโครงการจัดสรรที่ดินที่ได้รับอนุญาตแล้ว (กรณีอาคารเข้าข่ายการจัดสรรที่ดิน)

  - เตรียมแบบและใบอนุญาตเดิมที่ได้รับจากเทศบาลตำบลธัญบุรี จำนวน 1 ชุด (กรณีดัดแปลงอาคาร, ต่อเติมหรือต่ออายุใบอนุญาต)

3. การพิจารณา

  - ในการตรวจพิจารณารายละเอียดแบบแปลน เทศบาลอาจสั่งให้ผู้ขอใบอนุญาตแก้ไขเปลี่ยนแปลงผังบริเวณแบบแปลน รายการประกอบแบบแปลน หรือรายการคำนวณที่ได้ยื่นไว้ให้ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2479 และ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และแก้ไขเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร(ฉบับ    ที่ 2) พ.ศ. 2535 และกฎกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

  - อาคารประเภทควบคุมการใช้ เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะต้องแจ้งกองช่างทำการตรวจสอบ เพื่อขอใบรับรองการใช้อาคารก่อนเปิดใช้อาคารหรือให้ผู้อื่นใช้

  - การขออนุญาตก่อสร้างตามมาตรา 39 ทวิ โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น จะต้องดำเนินการ

  - แจ้งให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นทราบตามแบบที่กำหนด พร้อมทั้งแจ้งข้อมูลและยื่นเอกสาร

    1). ชื่อผู้รับผิดชอบงานออกแบบอาคาร (วุฒิสถาปนิก) พร้อมสำเนาบัตรประจำตัว

    2). ชื่อของผู้รับงานออกแบบและคำนวณอาคาร (วุฒิวิศวกร) พร้อมสำเนาบัตร ประจำตัว

    3). ชื่อผู้ควบคุมงาน (ตามกฎหมายวิชาชีพสถาปัตยกรรม-วิศวกรรม พร้อมสำเนาบัตรประจำตัว)

    4). แผนผังบริเวณ แบบแปลน รายการประกอบแบบ รายการคำนวณ

    5). วันเริ่มต้น และวันสิ้นสุด การดำเนินการก่อสร้างอาคาร

4. ระยะเวลาในการพิจารณาในกรณีทั่วไป

 - อาคารพักอาศัยไม่เกิน 2 ชั้น ใช้เวลาในการพิจารณาไม่เกิน 20 วัน ไม่รวมระยะเวลาแก้ไขแบบแปลน

- อาคารพาณิชย์ อาคารขนาดใหญ่ อาคารประเภทควบคุมการใช้ ใช้เวลาในการพิจารณา 33 วัน (ไม่รวมระยะเวลาแก้ไขแบบแปลน)

- ยกเว้นในกรณีที่มีข้อขัดข้อง จะใช้เวลาพิจารณาตามที่ได้กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร

5. คำแนะนำในการขอรับอนุญาตเกี่ยวกับอาคาร (ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 10 พ.ศ. 2528)

      5.1 ผู้ขอรับใบอนุญาตต้องแนบเอกสารเกี่ยวกับแผนผังบริเวณ แบบแปลนรายการประกอบแบบแปลน จำนวน 5 ชุด พร้อมกับคำขอ อาคารสาธารณะ อาคารพิเศษ หรืออาคารที่ก่อสร้างด้วยวัตถุถาวรและวัตถุทนไฟเป็นส่วนใหญ่ ต้องแนบรายการคำนวณ จำนวน 1 ชุด

     5.2 เมื่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้ตรวจพิจารณาแผนผังบริเวณ แบบแปลนรายการประกอบแบบแปลนและรายการคำนวณ (ถ้ามี) ถูกต้องแล้ว ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นออกใบอนุญาตได้

     5.3 อาคารประเภทควบคุมการใช้เมื่อทำการก่อสร้างเสร็จแล้ว ให้เจ้าของอาคารหรือผู้ครอบครองอาคารยื่นคำขอใบรับรองต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น

     5.4 ในกรณีที่เจ้าของอาคาร ประสงค์จะใช้อาคารเพื่อกิจการประเภทควบคุมการใช้ จะเปลี่ยนการใช้อาคารให้ยื่นคำขออนุญาตเปลี่ยนการใช้อาคารนั้น

     5.5 ในกรณีที่เจ้าของอาคารประสงค์จะดัดแปลงหรือใช้ที่จอดรถเพื่อการอื่นและก่อสร้างที่จอดรถแทนของเดิมให้ยื่นคำขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น

     5.6 ผู้ได้รับใบอนุญาตประสงค์จะขอต่ออายุใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ให้ยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุ

     5.7 ในกรณีที่ใบอนุญาตหรือใบรับรองสูญหาย ถูกทำลายหรือชำรุด ให้ยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตหรือใบแทนใบรับรองจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับทราบถึงการสูญหาย

     5.8 ผู้ได้รับใบอนุญาต ผู้ใดประสงค์จะโอนใบอนุญาตก่อสร้างอาคารให้แก่บุคคลอื่น  ให้ยื่นคำขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น เมื่อเห็นเป็นการสมควร ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นออกหนังสือแจ้งอนุญาตให้โอนใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอโอนใบอนุญาตได้

              5.9 แผนผังบริเวณ แบบแปลน รายการประกอบแบบแปลน และรายการคำนวณต้องเป็นสิ่งพิมพ์ สำเนาภาพถ่ายหรือเขียนด้วยหมึก และต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้

                 - มาตราส่วน ให้ใช้มาตราเมตริก

                 - แผนผังบริเวณ ให้ใช้มาตราเมตริก

                 - แสดงขอบนอกของอาคารที่ขออนุญาตถึงขอบเขตของที่ดินทุกด้าน

                 - ระยะห่างระหว่างอาคารต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้ว และอาคารที่ขออนุญาตในขอบเขตของ ที่ดิน

                 - ลักษณะและขอบเขตของที่สาธารณะพร้อมด้วยเครื่องหมายทิศ

                 - ให้แสดงทางระบายน้ำออกจากอาคารไปสู่ทางระบายน้ำสาธารณะ พร้อมทั้งแสดงเครื่องหมายชี้ทิศทางน้ำไหลและส่วนลาด

                 - แสดงระดับของพื้นชั้นล่างของอาคารและความสัมพันธ์กับระดับทาง หรือถนนสาธารณะที่ใกล้ที่สุดและระดับพื้นดิน

                 - ให้แสดงแผนผังบริเวณที่จะทำการเคลื่อนย้ายอาคารไปอยู่ในที่ใหม่ให้ชัดเจน

                 - แบบแปลนให้ใช้มาตราส่วนไม่เล็กกว่า 1 ใน 100 โดยต้องแสดงแปลนพื้นรูปด้าน (ไม่น้อยกว่า 2 ด้าน) รูปตัดขวาง รูปตัดทางยาว ผังคานรับพื้นชั้นต่างๆ และผังฐานรากของอาคาร พร้อมด้วยรายละเอียด

                 - แบบแปลน ต้องมีรูปรายละเอียดอย่างชัดเจนเพียงพอที่จะพิจารณาตามกฎหมาย

                 - แบบแปลน สำหรับการดัดแปลงอาคารให้แสดงส่วนต่าง ๆ ของอาคารที่จะก่อสร้างให้ชัดเจน

                 - แบบแปลน สำหรับการดัดแปลงอาคารให้แสดงส่วนที่มีอยู่เดิมและส่วนที่จะดัดแปลงให้ชัดเจน

                 - แบบแปลน สำหรับการรื้อถอนอาคาร ให้แสดงขั้นตอนวิธีการตลอดจนความปลอดภัยในการรื้อถอนอาคาร

                 - แบบแปลน สำหรับการเคลื่อนย้ายอาคาร  ให้แสดงขั้นตอน วิธีการ ความมั่นคงแข็งแรง  ตลอดจนความปลอดภัยในการเคลื่อนย้ายอาคาร

                 - สำหรับอาคารที่มีรูปตัดทางขวางหรือรูปตัดทางยาวของอาคาร มีความกว้าง ความยาว หรือความสูงเกิน 90 เมตร แบบแปลนจะใช้มาตรา  ส่วนเล็กกว่า 1 ใน 100 ก็ได้ แต่ต้องไม่เล็กกว่า 1 ใน 250

                 - แบบแปลนสำหรับการเปลี่ยนการใช้อาคาร ให้แสดงส่วนที่ใช้อยู่เดิม และส่วนที่จะเปลี่ยนการใช้ใหม่ให้ชัดเจน

                 - รายการประกอบแบบแปลน ให้แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับคุณภาพและชนิดของวัสดุ ตลอดจนวิธีปฏิบัติ หรือวิธีการสำหรับการก่อสร้างอาคาร

                 - รายการคำนวณให้แสดงวิธีการตามหลักวิศวกรรมศาสตร์

              5.10 ผู้รับผิดชอบงานออกแบบหรือผู้รับผิดชอบงานออกแบบและคำนวณ ต้องลงลายมือชื่อพร้อมกับเขียนชื่อตัวบรรจง ที่อยู่พร้อมกับคุณวุฒิของผู้รับผิดชอบดังกล่าวไว้ในแผนผังบริเวณ แบบแปลน รายการประกอบแบบแปลน และรายการคำนวณแต่ละชุดด้วย ผู้ประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุมวิศวกรรมควบคุมให้ระบุเลขทะเบียนในใบอนุญาตไว้ด้วย

6. ค่าธรรมเนียม

ค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต

 - ใบอนุญาตก่อสร้าง ฉบับละ 20 บาท

- ใบอนุญาตดัดแปลง ฉบับละ 10 บาท

- ใบอนุญาตรื้อถอน ฉบับละ 10 บาท

- ใบอนุญาตเปลี่ยนการใช้ ฉบับละ 20 บาท

- ใบรับรอง ฉบับละ 10 บาท

- ใบแทนใบอนุญาตหรือใบแทนใบรับรอง ฉบับละ 5 บาท

ค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาต

 - ใบอนุญาตก่อสร้าง ฉบับละ 20 บาท

- ใบอนุญาตดัดแปลง ฉบับละ 10 บาท

- ใบอนุญาตรื้อถอน ฉบับละ 10 บาท

- ใบอนุญาตเคลื่อนย้าย ฉบับละ 10 บาท

- ค่าธรรมเนียมการตรวจแบบแปลนก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคาร

      1. อาคารไม่เกิน 2 ชั้น สูงไม่เกิน 12 เมตร ตร.ม. ละ 50 สตางค์

     2. อาคารไม่เกิน 3 ชั้น และสูงเกิน 12 เมตร แต่ไม่เกิน 15 เมตร ตร.ม. ละ 12 บาท

     3. อาคารสูงเกิน 3 ชั้น หรือสูงเกิน 15 เมตร ตร.ม. ละ 4 บาท

     4. ป้าย ตร.ม. ละ 4 บาท

       สำหรับประชาชนในเขตเทศบาลตำบลธัญบุรี ก่อนดำเนินการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอนต่อเติมหรือการเคลื่อน

ย้าย อาคารต่าง ๆ ในเขตเทศบาล โปรดติดต่อขออนุญาตได้ที่กองช่าง เมื่อท่านทำการก่อสร้างอาคารแล้วเสร็จให้

ท่านยื่นคำร้องขอหมายเลขประจำบ้านได้ที่งานทะเบียนราษฎร์เทศบาลตำบลธัญบุรี

 

7. บทกำหนดโทษ

      7.1 ผู้ใดก่อสร้าง ดัดแปลง เคลื่อนย้ายอาคารโดยเจ้าของอาคารไม่ได้รับอนุญาตจากเทศบาล หรือผู้ใดก่อสร้างดัดแปลง รื้อถอนอาคาร ให้ผิดไปจากที่ได้รับอนุญาต ตลอดจนเงื่อนไขที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำหนดไว้ใน ใบอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

     7.2 ผู้ใดได้รับคำสั่งจากเทศบาลฯ และฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าว นอกจากต้องระวางโทษปรับตามข้อ 1 แล้วยังต้องระวางโทษปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน

     7.3 ถ้าเป็นการกระทำเกี่ยวกับอาคารเพื่อพาณิชยกรรม อุตสาหกรรม การศึกษา หรือสาธารณสุข หรือเป็นการกระทำในทางการค้าเพื่อให้เช่าหรือซื้อขาย หรือจำหน่าย โดยมีค่าตอบแทน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับเป็นสิบเท่าของโทษที่บัญญัติไว้ สำหรับความผิดนั้น ๆ หรือทั้งจำทั้งปรับ

     7.4 การปลูกสร้างโดยต่อเติม หรือดัดแปลงอาคาร ซึ่งจำต้องได้รับอนุญาตนั้นมีกำหนด ดังต่อไปนี้

         - ขยายพื้นชั้นหนึ่งชั้นใดตั้งแต่ 5 ตารางเมตร

         - เปลี่ยนหลังคา หรือขยายหลังคาให้ปกคลุมเนื้อที่มากขึ้นกว่าเดิม

         - เพิ่ม ลดจำนวน หรือเปลี่ยนเสา คาน บันได และผนัง

วันอาทิตย์, 27 กรกฎาคม 2557 16:02

แจ้งขอเลขที่บ้านใหม่

บ้านและทะเบียนบ้าน หลักเกณฑ์ 

บ้าน หมายความว่า โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างสำหรับใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งมีเจ้าบ้านครอบครอง และให้หมายความรวมถึงแพ หรือเรือ ซึ่งจอดเป็นประจำและใช้เป็นที่อยู่ประจำ หรือสถานที่หรือยานพาหนะอื่น ซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัยประจำได้ด้วย

ทะเบียนบ้าน หมายความว่า ทะเบียนประจำบ้านแต่ละบ้าน ซึ่งแสดงเลขประจำบ้านและ รายการของคน ทั้งหมดผู้อยู่ในบ้าน แยกเป็นหลายลักษณะ คือ

         * - ทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) ใช้สำหรับลงรายการของคนที่มีสัญชาติไทยและคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญ ประจำตัวคนต่างด้าว

         * - ทะเบียนบ้าน (ท.ร.13) ใช้ลงรายการของคนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายแต่อยู่ใน ลักษณะชั่วคราว หรือเข้าเมืองโดย

             มิชอบด้วยกฎหมายตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง

         * - ทะเบียนบ้านกลาง มิใช่ทะเบียนบ้าน แต่เป็นทะเบียน ซึ่งผู้อำนวยการทะเบียนกลางกำหนดให้จัดทำขึ้น สำหรับลงรายการบุคคลที่ไม่

             อาจมีชื่อในทะเบียนบ้าน

         * - ทะเบียนบ้านชั่วคราว เป็นทะเบียนประจำบ้านที่ออกให้กับบ้านที่ปลูกสร้างในที่สาธารณะ หรือโดยบุกรุก ป่าสงวน หรือโดยมิได้รับ

              อนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการก่อสร้างอาคาร หรือตามกฎหมายอื่น ทั้งน ทะเบียนบ้านชั่วคราวเป็นเอกสารราชการใช้ได้

              เหมือนทะเบียนบ้าน และผู้มีชื่อในทะเบียนบ้านชั่วคราวคงมีสิทธิและ หน้าที่เช่นเดียวกับบุคคลที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน

         * - ทะเบียนบ้านชั่วคราวของสำนักทะเบียน เป็นทะเบียนบ้านที่ผู้อำนวยการทะเบียนกลาง กำหนดให้ ทุกสำนักทะเบียนจัดทำขึ้น เพื่อใช้

             ลงรายการของบุคคลซึ่งขอแจ้งย้ายออกจากทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) เพื่อเดินทาง ไปต่างประเทศ ให้ทุกบ้านมีเลขประจำบ้าน บ้านใด

             ยังไม่มีเลขประจำบ้าน ๆ ให้เจ้าบ้านแจ้งต่อนายทะเบียน ผู้รับแจ้งเพื่อขอ เลขประจำบ้านภายในสิบห้าวันนับแต่วันสร้างบ้านเสร็จ

เอกสารที่ใช้ในการติดต่อ

 

    1. หนังสือขออนุญาตปลูกสร้างบ้าน หรือหนังสือสัญญาซื้อขายบ้าน (ถ้ามี) 

    2. บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าบ้าน 

    3. บัตรประจำตัวผู้แจ้งหรือผู้ได้รับมอบหมาย 

    4. หนังสือมอบหมาย (ถ้ามี)

 

ขั้นตอนการติดต่อ

 

    1. เมื่อสร้างบ้านเสร็จแล้วไปติดต่อ ณ สำนักทะเบียน ที่ได้ปลูกสร้างบ้าน 

    2. นายทะเบียนตรวจสอบหลักฐานเมื่อถูกต้องแล้ว จะจัดทำหลักฐานทะเบียนบ้านและสำเนาทะเบียนบ้าน 

    3. มอบสำเนาทะเบียนบ้านให้แก่ผู้แจ้ง

 

เจ้าบ้านและการมอบหมาย หลักเกณฑ์

    เจ้าบ้าน หมายความว่า ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครองบ้านในฐานะเป็นเจ้าของ ผู้เช่า หรือในฐานะ อื่นใดก็ตาม ในกรณีที่ไม่ปรากฏเจ้าบ้าน หรือ

    เจ้าบ้านไม่อยู่ ตาย สูญหาย สาบสูญ หรือไม่สามารถปฏิบัติ กิจการได้ ให้ถือว่าผู้มีหน้าที่ดูแลบ้านในขณะนั้นเป็นเป็นเจ้าบ้าน

 

หน้าที่ของเจ้าบ้าน

    เจ้าบ้าน เป็นผู้มีหน้าที่ต้องแจ้งเกี่ยวกับการต่าง ๆ ที่ได้บัญญัติไว้ตาม พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 เช่น การแจ้งเกิด แจ้งตาย แจ้ง

    ย้ายที่อยู่ หรือเรื่องอื่น ๆ เกี่ยวกับบ้าน โดยอาจมอบหมายให้ผู้อื่นไปดำเนินการแทนได้ หากเจ้าบ้านไม่อยู่ เช่น ไปต่างประเทศ หรืออยู่แต่ไม่

    สามารถปฏิบัติภารกิจได้ ผู้มีชื่อในทะเบียนบ้านผู้หนึ่งผู้ใดสามารถ ดำเนินการแจ้งโดยทำหน้าที่เจ้าบ้านได้ โดยนายทะเบียนบ้านจะบันทึก

    ถ้อยคำ  ให้ได้ข้อเท็จจริงว่า บุคคลดังกล่าวเป็น ผู้มีหน้าที่ดูแลบ้านแทนเจ้าบ้านในขณะนั้น

 

เอกสารที่ใช้ในการติดต่อ

    1. หนังสือมอบหมายจากเจ้าบ้านระบุรายละเอียดชัดเจนว่ามอบให้ใครทำอะไร และลงชื่อผู้มอบ

    2. สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน

    3. บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าบ้าน

    4. บัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบหมาย หรือผู้ทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้าน

 

ขั้นตอนการติดต่อ

    1. ไปติดต่อ ณ สำนักทะเบียนที่ปรากฏหลักฐานตามทะเบียนบ้าน

    2. นายทะเบียนตรวจสอบหลักฐาน และดำเนินการตามความประสงค์ของผู้แจ้ง

    3. คืนหลักฐานแก่ผู้แจ้ง

 

การจำหน่ายชื่อและรายการบุคคลออกจากทะเบียนบ้าน หลักเกณฑ์

    การจำหน่ายชื่อและรายการบุคคลออกจากทะเบียนบ้านมีหลายกรณี ได้แก่

    1. ผู้มีชื่อในทะเบียนบ้านถึงแก่ความตาย

    2. กรณีบุคคลมีชื่อซ้ำในทะเบียนบ้านเกินกว่า 1 แห่ง

    3. กรณีบุคคลมีชื่อในทะเบียนบ้านโดยมิชอบด้วยกฎหมายและระเบียบ

 

เอกสารที่ใช้ในการติดต่อ

    1. สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านที่มีรายการบุคคลชื่อซ้ำเกินกว่า 1 แห่ง หรือบุคคลที่มีชื่อในทะเบียนบ้านโดยมิชอบ หรือบุคคลที่ตาย

        ไปนานแล้ว หรือบุคคลที่ตายในต่างประเทศ

    2. บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าบ้านหรือผู้แจ้ง

    3. ใบมรณบัตร (ถ้ามี)

    4. หลักฐานการตายซึ่งออกโดยสถานทูตไทยหรือสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ หรือหลักฐานการตายที่ ออกโดย รัฐบาลของประเทศนั้น

        ซึ่งได้แปลและรับรองว่าถูกต้องโดยกระทรวงการต่างประเทศ

 

ขั้นตอนในการติดต่อ

    1. ยื่นเอกสารหลักฐานต่อนายทะเบียนท้องที่ที่ปรากฏรายการบุคคลที่ต้องการจำหน่ายชื่อออกจากทะเบียนบ้าน

    2. นายทะเบียนตรวจสอบหลักฐานสอบสวนเจ้าบ้านและพยานบุคคลที่น่าเชื่อถือให้ปรากฏข้อเท็จจริง

    3. รวบรวมหลักฐานเสนอผู้มีอำนาจในการอนุมัติแล้วจำหน่ายชื่อออกจากทะเบียนบ้าน

    4. คืนหลักฐานแก่ผู้แจ้ง

วันอาทิตย์, 27 กรกฎาคม 2557 15:57

การแจ้งย้ายที่อยู่

การแจ้งย้ายเข้า หลักเกณฑ์

    เมื่อมีผู้ย้ายที่อยู่เข้าอยู่ในบ้าน ให้เจ้าบ้านแจ้งการย้ายเข้าภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ย้ายเข้า อยู่ในบ้าน หากไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษปรับ

   ไม่เกินหนึ่งพันบาท

เอกสารที่ใช้ในการติดต่อ

    1. สำเนาทะเบียนบ้าน (ฉบับเจ้าบ้าน)

    2. บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าบ้าน

    3. หนังสือมอบหมายจากเจ้าบ้าน (กรณีผู้แจ้งย้ายไม่ใช่เจ้าบ้าน)

    4. บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าบ้าน

    5. ใบแจ้งการย้ายที่อยู่ (ท.ร. 6) ตอนที่ 1 และ 2 ซึ่งเจ้าบ้านลงนามยินยอมให้ย้ายเข้าแล้ว

ขั้นตอนในการติดต่อ

    1. ยื่นเอกสาร และหลักฐานต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่ที่จะย้ายเข้า

    2. นายทะเบียนตรวจสอบหลักฐาน และรายการใบแจ้งการย้ายที่อยู่และเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน และสำเนาทะเบียนบ้าน (ฉบับเจ้าบ้าน)

        โดยตรวจสอบรายการให้ถูกต้องตรงกัน แล้วมอบสำเนาทะเบียนบ้านและ หลักฐานคืนให้ผู้แจ้ง

การแจ้งย้ายออก  

เอกสารที่ใช้ในการติดต่อ

    เมื่อผู้อยู่ในบ้านย้ายที่อยู่จากบ้าน ให้เจ้าบ้านแจ้งการย้ายออกภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ผู้อยู่ในบ้านย้ายออก ไม่เกินหนึ่งพันบาท

หลักฐาน

    1. สำเนาทะเบียนบ้าน (ฉบับเจ้าบ้าน)

    2. บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าบ้าน

    3. หนังสือมอบหมายจากเจ้าบ้าน (กรณีผู้แจ้งย้ายไม่ใช่เจ้าบ้าน)

    4. บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าบ้าน (กรณีมอบหมาย)

    5. บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ย้ายที่อยู่กรณีแจ้งย้ายที่อยู่ของตนเอง

 

ขั้นตอนการติดต่อ

    1. ยื่นเอกสารและหลักฐานต่อนายทะเบียนท้องที่ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน (ถึงแม้ว่าเจ้าบ้านไม่สามารถไปแจ้ง ย้ายออกให้ได้

       ผู้ที่ย้ายอยู่สามารถขอทำหน้าที่เจ้าบ้านเพื่อย้ายชื่อตนเองออกได้)

    2. นายทะเบียนตรวจสอบหลักฐาน และรายการบุคคลที่จะย้ายออกลงรายการในใบแจ้งการย้ายที่อยู่ และจำหน่าย รายการบุคคล

        ที่ย้ายออกในทะเบียนบ้านและสำเนาทะเบียนบ้าน (ฉบับเจ้าบ้าน) โดยจะประทับคำว่า "ย้าย" สีน้ำเงินไว้หน้ารายการ ฯ และระบุ

        ว่าย้ายไปที่ใด

    3. นายทะเบียนมอบหลักฐานการแจ้งคืนผู้แจ้ง พร้อมทั้งใบแจ้งย้ายที่อยู่ตอนที่ 1 และ 2 เพื่อนำไปแจ้งย้ายเข้าต่อไป

การแจ้งย้ายปลายทาง        หลักเกณฑ์

    การแจ้งการย้ายที่อยู่ปลายทาง หมายความว่า การแจ้งการย้ายที่อยู่โดยผู้ขอแจ้งย้าย สามารถไปขอแจ้งย้ายออก และขอแจ้งย้ายเข้า

    ต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องที่ที่ไปอยู่ใหม่ โดยไม่ต้อง เดินทางกลับไปขอแจ้งย้ายออก ณ สำนักทะเบียนเดิมที่มีชื่ออยู่ในทะเบียน

    บ้านจากทะเบียนบ้าน

เอกสารที่ใช้ในการติดต่อ

    1. สำเนาทะเบียนบ้าน (ฉบับเจ้าบ้าน) ของบ้านที่จะย้ายเข้า

    2. บัตรประจำตัวประชาชนของผู้แจ้งย้าย หรือบัตรประจำตัวตามกฎหมายอื่นพร้อมสำเนา บัตรที่ลงชื่อเจ้าของบัตร กำกับไว้

    3. เจ้าบ้านที่จะย้ายเข้าอยู่ใหม่

    4. บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าบ้านที่จะย้ายเข้าอยู่ใหม่

    5. หนังสือยินยอมให้แจ้งย้ายเข้าของเจ้าบ้านที่จะเข้าอยู่ใหม่ (กรณีเจ้าบ้านไม่สามารถไป ดำเนินการแจ้งย้ายได้)

    6. หนังสือมอบหมายจากผู้ย้ายที่อยู่ บัตร ฯ พร้อมด้วยสำเนาบัตร ฯ ที่ลงชื่อเจ้าของบัตรกำกับไว้ ทั้งผู้มอบและผู้รับมอบ (กรณีผู้แจ้งย้าย

        ที่อยู่มอบผู้อื่นมาดำเนินการแทน ผู้รับมอบหมาย 1 คน ควรดำเนินการแทนผู้ประสงค์ จะแจ้งย้ายที่อยู่ปลายทางได้ไม่เกิน 3 คน และ

        ทั้ง 2 ฝ่ายควรเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ กันไม่ว่าจะเป็นญาติ คนรู้จัก ผู้มีส่วนได้เสีย หรือผู้ที่มีนิติสัมพันธ์)

วันอาทิตย์, 27 กรกฎาคม 2557 15:52

การแจ้งตาย

การแจ้งตาย หลักเกณฑ์

เมื่อมีคนตายให้แจ้งการตาย

 

    * (1) คนตายในบ้าน ให้เจ้าบ้านหรือผู้พบศพแจ้งต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องที่ที่มีคนตาย 

            ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง นับแต่เวลาตาย หรือพบศพ

    * (2) คนตายนอกบ้าน ให้คนที่ไปกับผู้ตายหรือผู้พบศพแจ้งต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องที่

            ที่มีการตายหรือพบศพ หรือแห่งท้องที่ ที่จะพึงแจ้งได้ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่เวลาตาย

            หรือเวลาพบศพ กรณีเช่นนี้ จะแจ้งต่อพนักงานฝ่ายปกครองหรือ ตำรวจก็ได้ กำหนดเวลา

            ให้แจ้งตาม (1) และ (2) ถ้าท้องที่ใดการคมนาคมไม่สะดวก ผู้อำนวยการทะเบียน กลางอาจ

            ขยาย เวลาออกไปตามที่เห็นสมควร แต่ต้องไม่เกินเจ็ดวันนับแต่เวลาตายหรือเวลาพบศพ 

            หากไม่ปฏิบัติตาม (1) และ (2) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท

 

เอกสารที่ใช้ในการติดต่อ

 

      1. สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านที่คนตายมีชื่อและรายการบุคคล (ถ้ามี) 

      2. หนังสือรับรองการตายจากโรงพยาบาล (ถ้ามี)

      3. บัตรประจำตัวประชาชนของผู้แจ้ง

 

ขั้นตอนการติดต่อ

 

      1. ผู้แจ้งยื่นเอกสารและหลักฐานต่อนายทะเบียน เพื่อตรวจสอบและลงรายการในมรณบัตร

      2. จำหน่ายชื่อผู้ตายออกจากทะเบียนบ้าน โดยจะประทับคำว่า "ตาย" สีแดง ไว้หน้ารายการคนตาย

      3. มอบมรณบัตร ตอนที่ 1 สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัวประชาชนคืนผู้แจ้ง

วันอาทิตย์, 27 กรกฎาคม 2557 15:46

การแจ้งเกิด

 

เมื่อมีคนเกิดต้องแจ้งชื่อคนเกิดให้ถูกต้องตามหลักการตั้งชื่อบุคคล พร้อมกับการแจ้งการเกิด

* คนเกิดในบ้านให้เจ้าบ้านหรือบิดาหรือมารดาแจ้งต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องที่ที่มีคนเกิดในบ้าน ภายในสิบห้าวันนับแต่วันเกิด

* คนเกิดนอกบ้าน

ให้บิดาหรือมารดาแจ้งต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องที่ที่มีคนเกิดนอกบ้านหรือแห่งท้องที่

ที่จะพึงแจ้งได้ ภายในสิบห้าวันนับแต่วันเกิด ในกรณีจำเป็นไม่อาจแจ้งได้ตามกำหนด ให้แจ้ง

ภายหลังได้แต่ต้องไม่เกินสามสิบวัน นับแต่วันเกิด

 

เอกสารที่ใช้ในการติดต่อ

1. สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน

2. บัตรประจำตัวประชาชนผู้แจ้ง

3. หนังสือรับรองการเกิดจากโรงพยาบาล (ถ้ามี)]

ขั้นตอนในการติดต่อ

1.ผู้แจ้งยื่นเอกสารและหลักฐานต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่ที่เด็กเกิด

2.นายทะเบียนตรวจสอบหลักฐานกับทะเบียนบ้าน และลงรายการในสูติบัตรแล้วเพิ่มชื่อเด็กในทะเบียนบ้านและ สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน แล้วมอบสูติบัตรตอนที่ 1 และสำเนาทะเบียนบ้านคืนให้กับ ผู้แจ้ง

 

การแจ้งเกิดเกินกำหนด หลักเกณฑ์

เป็นการแจ้งเกิดต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งเมื่อพ้นเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ (15 วัน) ตามกฎหมาย

มีบทกำหนดโทษ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท

 

เอกสารที่ใช้ในการติดต่อ

    1. สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน

    2. บัตรประจำตัวประชาชนของผู้แจ้ง บัตรประจำตัวประชาชนของบิดา มารดา (ถ้ามี)

    3. พยานบุคคลที่ให้การรับรอง และบัตรประจำตัวประชาชน

    4. รูปถ่ายของบุคคลที่ขอแจ้งการเกิด 1 รูป (กรณีอายุเกิน 7 ปีบริบูรณ์)

    5. หนังสือรับรองการเกิดจากโรงพยาบาล (ถ้ามี)

 

ขั้นตอนในการติดต่อ

    1. ผู้แจ้งยื่นเอกสารหลักฐานต่อนายทะเบียนท้องที่ที่เด็กเกิด

    2. นายทะเบียนตรวจสอบหลักฐานแล้วเปรียบเทียบคดีความผิดและสอบสวนผู้แจ้ง บิดามารดา

        ให้ทราบสาเหตุ ที่ไม่แจ้งการเกิดภายในกำหนด ในกรณีบิดาหรือมารดาไม่อาจมาให้ถ้อยคำใน

        การสอบสวนได้ ไม่ว่าจะด้วยกรณีใด นายทะเบียนจะบันทึกถึงสาเหตุดังกล่าวไว้

    3. นายทะเบียนนำเสนอนายอำเภอแห่งท้องที่พิจารณาอนุมัติออกสูติบัตร และเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน

 

การแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการในเอกสารการทะเบียนราษฎร
เอกสารการทะเบียนราษฎร ได้แก่ ทะเบียนบ้านและสำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน สูติบัตร และทะเบียนคนเกิด มรณบัตร และทะเบียนคนตาย ใบแจ้งการย้ายที่อยู่เอกสารการทะเบียนราษฎรที่นายทะเบียนมอบให้ประชาชนเก็บรักษาและใช้เป็นหลักฐาน คือ สูติบัตร มรณบัตร สำเนา ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน

หลักเกณฑ์
เอกสารการทะเบียนราษฎร ที่นายทะเบียนหรือเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากนายทะเบียน จัดทำขึ้นหากจำเป็น ต้องมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงใหม่ จะเป็นเพราะเขียนผิดหรือผิดพลาดเพราะเหตุอื่นใดก็ตาม จะลบ ขูด หรือทำด้วย ประการใด ๆ ให้เลือนหายไปไม่ได้ แต่ให้ใช้วิธีขีดฆ่าคำหรือข้อความเดิม แล้วเขียนคำหรือข้อความที่ถูกต้องแทน ด้วยหมึกสีแดง พร้อมทั้งลงชื่อนายทะเบียนและวันเดือนปี กำกับไว้

การแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการ มี 3 กรณี
1. กรณีที่มีเอกสารราชการมาแสดง ไม่ว่าเอกสารนั้นจะจัดทำก่อนหรือหลังการจัดทำ ทะเบียนราษฎร เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน หรือทะเบียนบ้านฉบับปี พ.ศ. 2499 , พ.ศ. 2515 หรือ ฉบับปี พ.ศ. 2526 หรือใบสำคัญ การเปลี่ยนชื่อตัว หรือชื่อสกุลหรือหลักฐานการสมรส หรือการหย่า เป็นต้น
2. กรณีไม่มีเอกสารราชการมาแสดง
3. กรณีแก้ไขรายการสัญชาติ

ผู้มีหน้าที่แจ้ง ได้แก่ เจ้าบ้าน บิดามารดา ผู้ได้รับมอบหมายจากเจ้าบ้านหรือผู้ที่เป็น เจ้าของประวัติสถานที่ยื่นคำร้องขอแก้ไขรายการ

1. การแก้ไขรายการในทะเบียนบ้าน สำเนาทะเบียนบ้าน สูติบัตร และมรณบัตร ให้ยื่นคำร้องที่สำนักทะเบียน อำเภอหรือสำนัก ทะเบียนท้องถิ่นแห่งท้องที่ที่ผู้นั้นมีชื่อในทะเบียนบ้าน
2. การแก้ไขรายการในทะเบียนคนเกิด ทะเบียนคนตาย และใบแจ้งการย้ายที่อยู่ ให้ยื่นคำร้องที่สำนักทะเบียน ท้องที่ที่จัดทำทะเบียนคนเกิดห รือทะเบียนคนตาย หรือใบแจ้งการย้ายที่อยู่

เอกสารที่ใช้ในการติดต่อ กรณีที่มีเอกสารราชการมาแสดง

       1. เอกสารราชการที่มาแสดงประกอบหลักฐานในการแก้ไขรายการ

       2. บัตรประจำตัวผู้แจ้ง (เจ้าบ้านหรือเจ้าของประวัติหรือบิดามารดา)

       3. สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน

       4. สูติบัตร หรือ มรณบัตร

ขั้นตอนในการติดต่อ

      1. ผู้แจ้งยื่นเอกสารและหลักฐานต่อนายทะเบียนท้องที่ที่มีชื่อในทะเบียนบ้าน 

      2. นายทะเบียนตรวจสอบหลักฐานเห็นว่าเอกสารเชื่อถือได้ แก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการใน เอกสาร การทะเบียนราษฎรให้ตรงกับ

          หลักฐาน แล้วมอบสำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน สูติบัตร หรือมรณบัตร คืนผู้แจ้ง

กรณีไม่มีเอกสารราชการมาแสดงขั้นตอนในการติดต่อ

      1. ผู้ร้องยื่นคำร้องพร้อมหลักฐานบัตรประจำตัวประชาชน

      2. สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน

      3. พยานบุคคลและบัตรประจำตัวประชาชน

      4. พยานหลักฐานต่าง ๆ ที่มี

      5. นายทะเบียนสอบสวนพยานหลักฐานและพยานบุคคลที่น่าเชื่อถือ แล้วรวบรวมเสนอ นายอำเภอพร้อมด้วย ความเห็นเมื่อ 

          นายอำเภอเห็นว่าพยานหลักฐานดังกล่าวเชื่อถือได้ นายอำเภอจะอนุมัติ แล้วสั่งนายทะเบียนให้แก้ไข เปลี่ยนแปลงรายการ

          ในเอกสารการทะเบียนราษฎรให้

กรณีการแก้ไขสัญชาติ

    การแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการเกี่ยวกับสัญชาติ มี 2 กรณี คือ

    1. กรณีแก้ไขจากสัญชาติอื่นหรือไม่มีสัญชาติ เป็นสัญชาติไทย ให้เสนอ นายอำเภอพิจารณา อนุมัติ (เป็นอำนาจเฉพาะตัวนายอำเภอ)

    2. กรณีแก้ไขจากสัญชาติไทย หรือสัญชาติอื่นหรือไม่มีสัญชาติ เป็นสัญชาติอื่น นายทะเบียนอำเภอหรือ นายทะเบียนท้องถิ่นเป็นผู้

       พิจารณาอนุมัติ

วันอาทิตย์, 27 กรกฎาคม 2557 15:20

ขอมีบัตรประจำตัวประชาชน

กรณีขอมีบัตรครั้งแรกหลักเกณฑ์ผู้มีสัญชาติไทย  อายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ต้องขอมีบัตรประจำตัวประชาชนหากไม่ไปขอมีบัตรภายใน 60 วัน จะถูกปรับไม่เกิน 500 บาทยื่นคำขอที่อำเภอ กิ่งอำเภอ  เขต  หรือเทศบาลที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมแต่อย่างใด โดยยื่นหลักฐานดังนี้สำเนาทะเบียนบ้านแสดงหลักฐานอื่นที่ทางราชการออกให้ เช่น ใบเกิด ใบสุทธิ เพื่อแสดงว่าเป็นบุคคลเดียวกันผู้มีชื่อในทะเบียนบ้านกรณีเป็นบุตรบุคคลต่างด้าว ต้องมีหนังสือสำคัญประจำตัวบุคคลต่างด้าวของบิดามารดาแสดงด้วยกรณีไม่มีหลักฐานตามข้อ 2 ให้นำเจ้าบ้านหรือบุคคลที่น่าเชื่อถือมารับรองกรณีบัตรเติมหมดอายุเมื่อบัตรหมดอายุ ผู้ถือบัตรต้องขอมีบัตรภายใน 60 วัน นับแต่วันที่บัตรเติมหมดอายุโดยเสียค่าธรรมเนียม หากไม่ขอมีบุตรภายในกำหนด 60 วัน จะถูกปรับไม่เกิน 200 บาทหลักฐานสำเนาทะเบียนบ้านบัตรประจำตัวประชาชนเดิมที่หมดอายุกรณีบัตรหายหรือบัตรถูกทำลายเมื่อบัตรหายหรือบัตรถูกทำลายให้แจ้งความในท้องที่ที่เกิดเหตุ ดังนี้
เขตกรุงเทพมหานคร แจ้งความต่อสถานีตำรวจ
ต่างจังหวัด  แจ้งความที่อำเภอ กิ่งอำเภอ เทศบาล แจ้งที่สำนักทะเบียนท้องถิ่นหรือสถานีตำรวจภูธร ให้ยื่นเรื่องขอมีบัตรใหม่ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่บัตรเดิมหายหรือถูกทำลาย หากเลยกำหนดจะเสียค่าปรับไม่เกิน 200 บาท
หลักฐาน

  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สำเนาหลักฐานการแจ้งความบัตรหาย
  • นำหลักฐานอื่นที่ทางราชการออกให้ไปด้วย (ถ้ามี) เช่น ใบเกิด ใบสุทธิ หรือสำเนาภาพถ่ายบัตรเดิมที่สูญหาย
  • เสียค่าธรรมเนียม 20 บาทหากค้นหาหลักฐานเดิมที่เคยทำบัตรเก่าไม่พบ ต้องนำเจ้าบ้านหรือผู้ที่น่าเชื่อถือ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ญาติพี่น้องไปรับรองด้วย

กรณีบัตรเดิมชำรุด หากบัตรเดิมชำรุด เช่น ไฟไหม้บางส่วน ถูกน้ำเลอะเลือน ให้ขอเปลี่ยนบัตรภายใน 60 วัน
หลักฐาน

  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • บัตรเดิมที่ชำรุด
  • หลักฐานที่ทางราชการออกให้ (ถ้ามี) เช่น ใบขับขี่, หนังสือเดินทาง เป็นต้น
  • เสียค่าธรรมเนียม 20 บาท

หากบัตรชำรุดมากจนไม่สามารถใช้พิสูจน์ตัวบุคคลได้ ต้องนำเจ้าบ้านหรือผู้ที่เชื่อถือได้ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ญาติพี่น้องไปรับรองด้วย
กรณีเปลี่ยนชื่อตัวหรือสกุลหากเปลี่ยนชื่อตัวสกุลให้ยื่นเรื่องขอเปลี่ยนบัตรภายใน 60 วัน นับแต่วันที่แก้ไขหรือสกุลในทะเบียนบ้าน หากไม่ยื่นภายในกำหนดต้องเสียค่าปรับไม่เกิน 200 บาท
หลักฐาน

  • สำเนาทะเบียนบ้านบัตรฯ เดิม
  • ใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อตัวหรือชื่อสกุลเสียค่าธรรมเนียม 20 บาท
วันอาทิตย์, 27 กรกฎาคม 2557 06:11

สรุปผลความพึงพอใจ ปี2556


หน้า 54 จาก 81

Login Form

จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์

8347094
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
784
5075
10619
8308829
14083
124855
8347094

Your IP: 216.73.216.57
Server Time: 2025-11-04 04:26:11

ติดต่อเรา

กด Like ให้ผมด้วยครับ

Template Settings

Color

For each color, the params below will give default values
Blue Red Oranges Green Purple Pink

Body

Background Color
Text Color

Header

Background Color

Footer

Select menu
Google Font
Body Font-size
Body Font-family
Direction